วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558

อัลฟัลฟ่า "หญ้ามหัศจรรย์"


จากบทความครั้งก่อนเราได้ทราบคุณค่าและประโยชน์ของคลอโรฟิลล์ไปแล้ว มาบทนี้ ดิฉันจะขอแนะนำ พืชบางชนิดที่ให้คลอโรฟิลล์สูง  ได้แก่ อัลฟัลฟ่า  วีทกราส(ต้นข้าวสาลีอ่อน)  สาหร่ายคอลเรลล่า ข้าวบาร์เลย์ และชาเขียว




1.“อัลฟัลฟ่า” หญ้ามหัศจรรย์
เมื่อหลายทศวรรษมาแล้ว ชาวอาหรับได้ใช้อัลฟัลฟ่าเลื้ยงม้า ซึ่งบอกว่าหญ้าชนิดนี้ทำให้ม้าแข็งแรง และวิ่งเร็ว เขาก็ลองรับประทานเองจึงแน่ใจผลของหญ้าชนิดนี้ที่มีต่อสุขภาพ และความแข็งแรงของตนเองจึ่งตั้งชื่อว่า “อัลฟัลฟ่า” (Alfalfa) แปลว่า บิดาของอาหารทุกชนิด (Father of Food) รากของหญ้าอัลฟัลฟ่า หยั่งลึกลงไปใต้ดินลึกกว่า 130 ฟุต จึงมีประสิทธิภาพในการดูดซึมแร่ธาตุอาหารได้มากกว่าและบริสุทธิ์กว่า ไม่มีรากของพืชชนิดใดสามารถหยั่งลึกลงไปได้ อัลฟัลฟ่ามี วิตามินเอ อี เค และดี โปรตีนสูง และมีฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก โปรแตสเซียม คลอรีน โซเดียม ซิลิคอน แมกนีเซียม และแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการเพียงเล็กน้อยอีกหลายชนิด อัลฟัลฟ่า มีเอ็นไซม์ที่ส่งเสริมปฏิกิริยาทางเคมีที่สามารถทำให้การดูดซึมสารอาหารภายในร่างกายเป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม
อัลฟัลฟ่า สามารถช่วยโรคกระเพาะ ปวดท้องเพราะมีแก๊สมาก รักษาแผลในกระเพราะลำไส้ อาการบวม การช่วยขับน้ำที่ขังอยู่ตามเนื้อเยื่อของร่างกาย ช่วยรักษาอาการปวดข้อ ข้อแข็งแรง ช่วยรักษาโรคติดสุราและยาเสพติด และยังช่วยโรคอ้วนด้วย
Alfalfa
                ดร.แฟรงค์ ไบเออร์ นักชีววิทยา ซึ่งเป็นผู้เขียนตำราเกี่ยวกับโภชนาการที่มีชื่อของสหรัฐอเมริกา ได้ให้ฉายา “หญ้าอัลฟัลฟ่า” ว่าเป็นยารักษาโรคที่มหัศจรรย์ เขาได้ค้นพบว่า ใบหญ้าซึ่งเกิดในตระกูลถั่วนี้มีเอ็นไซม์อยู่ 8 ชนิด ได้แก่ ไลเปส  อาเมเลส  โคกุเลส  อีมูสซิน  อินเวอร์เคส  เปอร์อ๊อกซิเตส  เพดติเนส และ โปรตีเอส  ซึ่งภายหลังก็ได้รับการยืนยันจาก ดร. ซี เอ เจคอบสัน ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์สาขาโภชนาการของรัฐบาลสหรัฐ หมอเป็นจำนวนมากได้ใช้ใบหญ้า “อัลฟัลฟ่า” รักษาเกี่ยวกับโรคกระเพาะอาหารต่างๆ เช่น มีแก๊สในกระเพราะเกิดจากอาการจุกเสียดเป็นประจำ โรคกระเพาะ และโรคเบื่ออาหาร โดยพบว่า “อัลฟัลฟ่า” มีวิตามิน ยู ซึ่งมีประโยชน์ต่อการรักษาโรคกระเพาะ
                ดร.กาเนาท์ แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าวว่า วิตามิน ยู นี้มีศักยภาพในการรักษาโรคกระเพาะ เป็นที่น่าสังเกตว่า ในวิตามิน ยู ก็พบได้ในกะหล่ำปลีสดเหมือนกัน ฉะนั้นนักโภชนาการหลายคนจึงได้แนะนำให้ผู้ป่วยเป็นโรคนี้ดื่นน้ำคั้นจากกะหล่ำปลีสด เพื่อรักษาโรค นอกจากหญ้า “อัลฟัลฟ่า” ยังมีคุณสมบัติในการช่วยขับถ่ายปัสสาวะให้เป็นปกติ และมีฤทธิ์เป็นยาระบายตามธรรมชาติอย่างอ่อนๆ อีกด้วย และคาดว่า ประกอบด้วยวิตามิน อี แร่ธาตุ แคลเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญ ที่ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรงในเด็กอีกด้วย ในหนังสือของแคทเทอรีนเอลวูล ชื่อ Feel Like Millton ได้กล่าวว่า ความมหัศจรรย์ของ “อัลฟัลฟ่า” อัดเม็ดได้เป็นที่ประจักษ์แล้วเป็นอย่างดี โดยหมอประจำครอบครัวของเราได้ให้คนไข้ของเขาลองรับประทาน “อัลฟัลฟ่า” วันละ 18 เม็ด วันละ 3 ครั้ง เพื่อรักษาอาการปวดตามข้อ ก็ได้รับรายงานจากคนไข้ว่า เขาสามารถงอมือได้สะดวกยิ่งขึ้น และเจ็บปวดก็หายไป “อัลฟัลฟ่า” ยังประกอบไปด้วยวิตามินที่มีประโยชน์มากมายหลายชนิด ใน “อัลฟัลฟ่า” 100 กรัม มีวิตามินเอ 8,000 ยูนิต และยังมีวิตามินบี 5 วิตามิน อี ตามธรรมชาติในปริมาณสูงอีกด้วย ซึ่งช่วยในกระบวนการแข็งตัวของเลือด “อัลฟัลฟ่า” มีวิตามินอีสูงถึง 20,000-40,000 ยูนิต ในปริมาณ “อัลฟัลฟ่า” 100 กรัม ฉะนั้นเราจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมนักโภชนาการจึงได้ให้สมญานาม “อัลฟัลฟ่า” ว่าเป็นหญ้ามหัศจรรย์ 

Alfalfa กับ ประโยชน์ต่อร่างกาย
ประโยชน์หลักของ Alfalfa ที่มีการใช้อย่างแพร่หลาย คือ ใช้เพื่อสุขภาพสตรีวัยใกล้หมดประจำเดือนภาวะคลอเรสเตอรอลสูง       อย่างไรก็ตาม กรดอะมิโน ที่จำเป็นที่อยู่ในใบของ Alfalfa จะช่วยให้การทำงานของระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดี อีกทั้งยังเป็นยาระบายและยาขับปัสสาวะทางธรรมชาติที่ดี มักใช้ Alfalfa เพื่อการบำบัดอาการติดเชื้อทางปัสสาวะ และกระเพาะปัสสาวะ และอาการเกี่ยวกับต่อมลูกหมากและยังช่วยขจัดพิษในร่างกายโดยเฉพาะในตับได้อีกด้วย นอกจากนี้ Alfalfa ยังบรรจุไปด้วยวิตามินและสารต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของร่างกายมากมาย เช่น 
-  วิตามินK ในAlfalfaจะช่วยป้องกันอาการคลื่นเหียนอยากอาเจียนได้ 
-  Alfalfa ยังมีสาร fluoride และ แคลเซียม ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงในกระดูก และป้องกันฟันผุ 
-  ส่วนสาร betacareotene ยังเป็นประโยชน์ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันโรค ผิวหนังและเยื่อบุผิวให้มี สุขภาพที่ดี 
-  Alfalfa อุดมไปด้วย แคลเซียม วิตามิน C B12 และ bioflavinoid ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่มีประโยชน์ต่อผู้ที่รับประทาน   
อาหารมังสวิรัตเป็นอย่างมาก 
-  สาร saponin ที่พบใน Alfalfa มีลักษณะเดียวกันกับที่พบในรากโสม ซึ่งอาจช่วยหรือส่งเสริมให้การทำงานของระบบ
ประสาทและกล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้อย่างเหมาะสม 
-  สาร Chlorophyll จะช่วยในการดับกลิ่นปากและกลิ่นตัว ต่อต้านความเป็นกรดเปรี้ยวของร่างกาย และช่วยดูแลแบคทีเรีย
ชนิดดีที่ช่วยในการย่อยภายในลำไส้อีกด้วย 
-  ไฟเบอร์ตามธรรมชาติที่มีอยู่มากใน Alfalfa จะช่วยฟื้นฟูภาวะลำไส้อ่อนแอ นอกจากนี้ ไฟเบอร์ ยังช่วยในการลำเลียง
ของเสียที่อยู่ภายในลำไส้ออกจากระบบได้เป็นอย่างดี ทำให้หลอดลำไส้มีสุขภาพที่ดีขึ้น 
-  Alfalfa ยังมีส่วนช่วยฟื้นฟู บรรเทาคนไข้ที่อยู่ในภาวะติดสารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ได้ 
-  Alfalfa มีสาร carotene ที่ช่วยสร้างหรือซ่อมแซมเซลล์ภายในร่างกายใหม่ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งที่
ต้องการฟื้นฟูเซลล์ที่ถูกทำลายไป

หมายเหตุ  การรักษาโรคของหญ้า “อัลฟัลฟ่า” นี้จะเป็นลักษณะแปลเรียบเรียงจากบทความ “What about Alfalfa? โดย ดร.เกิล มินเกล ผู้เขียน “Vitamin BibleW Vitamin Bible for Your kids.1980
บทต่อไปดิฉันจะกล่าวถึง วีทกราส(ต้นข้าวสาลีอ่อน) ซึ่งมีคุณค่ามากมายต่อร่างกาย และเป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่มีคลอโรฟิลล์สูงเช่นกัน
www.behealthy24hr.com

วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2558

พืชผักสีเขียว


พืชผักสีเขียวที่เรารู้จักโดยทั่วไปได้แก่  ตำลึง คะน้า บร็อกโคลี่ ชะพลู ใบบัวบก ผักบุ้ง กวางตุ้ง  ผักกระเฉด  ผักที่มีสีเขียวเข้มมากก็ยิ่งมีคลอโรฟิลล์มาก  และสารคลอโรฟิลล์มีคุณค่ามากเหลือเกิน  เรามารู้จักคำว่า  “คลอโรฟิลล์”  กันดีกว่า

คลอโรฟิลล์คืออะไร

คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) คือ คลอโรพลาสเม็ดเล็ก ๆ มีสีเขียว ซึ่งอยู่ในเซลล์พืช โดยเป็นส่วนหนึ่งของพืชที่เกิดจากกระบวนการทำอาหารของพืชหลังจากได้รับแสง อาทิตย์ โดยสูตรโครงสร้างของคลอโรฟิลล์จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับสูตรโครงสร้างของ สารประกอบ Heme ที่เป็นโครงสร้างหลักของเม็ดเลือดแดงของมนุษย์อย่างมาก  คลอโรฟิลล์จึงมีความสำคัญมากกับมนุษย์ 


พลังสำคัญของคลอโรฟิลล์
1.  เสริมสร้างภูมิต้านทานของโรค ฟื้นฟูสภาพและกระตุ้นการทำงานของร่างกาย
2.  ทำความสะอาดเซลล์เลือด และขจัดสารพิษ
3.  ปรับสมดุลของฮอร์โมน และความเป็นกรดด่างในร่างกาย

ประโยชน์ของคลอโรฟิลล์
1.   เพิ่มจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดง ช่วยลดความดันเลือด
2.   ทำความสะอาดเลือด อวัยวะและทางเดินอาหาร
3.   ช่วย กระตุ้นการเผาผลาญอาหารของร่างกาย และระบบเอนไซม์ของเลือด นอกจากนี้ยังช่วยในการลดความดัน
      โลหิตโดยการขยายทางเดินเลือดทั่วร่างกาย
4.   กระตุ้นต่อมไทรอยด์ การแก้ไขโรคอ้วน และอาหารไม่ย่อย
5.   ช่วยทำให้สดชื่น หายเหนื่อยจากอาการอ่อนเพลีย
6.   ลดอาการชา บวม อักเสบในร่างกาย
7.   ช่วยขับกรดจากข้อต่อต่างๆ ทำให้อาการปวดข้อ ปวดเมื่อยตามตัวทุเลาและหายได้
8.   ขจัดกลิ่นปากและกลิ่นกาย
9.   ช่วยป้องกันและระงับการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
10.  ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายลดอาการ ร้อนๆ หนาวๆ ในสตรีวัยใกล้หมดประจำเดือน
11.  ช่วยแก้ท้องผูก ล้างสารพิษในลำไส้ ทำให้การขับถ่ายดีขึ้น
12.  บรรเทาอาการปวดศีรษะ อาการเครียด และโรคนอนไม่หลับ
13.  ปรับสภาพระดูในสตรีให้เป็นปกติ
14.  ควบคุมน้ำหนัก ลดระดับไขมัน คลอเรสเตอรอลในเลือด ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ชะลอความแก่
15.  เพิ่มการเผาผลาญในร่างกาย ลดอาการเมาค้าง
16.  ช่วยในคนที่มีปัญหาเรื่องสิว ฝ้า ปวดประจำเดือน ประจำเดือนมาไม่ปกติ

เรารู้แล้วว่า คลอโรฟิลล์ มีประโยชน์มากมาย ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น แต่พืชชนิดใดบ้างที่ให้คลอโรฟิลล์สูง  ดิฉันขอกล่าวในบทต่อไป
www.behealthy24hr.com

วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558

อาหารเสริม หรือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่อยากแบ่งปัน

จากบทความก่อนหน้านี้ เราทราบแล้วว่าอาหารและโภชนาการมีจำเป็นอย่างไรกับเรา และเราต้องรับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนทำให้เกิดโรคและไม่น้อยเกินไปจนทำให้ไม่มีเรี่ยวแรงต่อสู้กับสิ่ง ต่างๆ รอบตัว ซึ่งบางครั้งเราไม่สามารถรับประทานอาหารได้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ดังนั้นเราจึงต้องสรรหาอาหารเสริมมาเพิ่มเพื่อเสริมจากอาหารหลักที่เรากิน อยู่ในแต่ละวัน

อาหารเสริมหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในปัจจุบันเป็นที่นิยมกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไป คนที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ครบห้าหมู่ ผู้ป่วยที่ต้องการเสริมอาหาร อาหารเสริมหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คือ สารอาหารที่เพิ่มเติมจากอาหารหลักที่เรากินอยู่ในแต่ละวัน ซึ่งมีความสำคัญและจำเป็นต่อสุขภาพร่างกาย โดยผลิตขึ้นในรูปของ เม็ด แคปซูล และของเหลว อาหารเสริมมีประโยชน์โดยรวมคือ เพื่อเพิ่มเติม เพื่อป้องกัน หรือเพื่อบำบัดของแต่ละคน ซึ่งแตกต่างกันออกไปอยู่ที่สภาพความเป็นอยู่ ตามวิถึชีวิต และสภาพของร่างกายแต่ละคน

อาหารเสริม ไม่ใช่ยา เพราะอาหารเสริมไม่ได้มีความหมายในการบริโภคเพื่อ "รักษา" อาหารเสริมเป็นตัวช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง ป้องกันโรค ลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรค และสามารถทดแทนสารอาหารที่ร่างกายบกพร่องได้ อาหารเสริม แบ่งออกเป็น

1.อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ รับประทานเข้าไปหวังผลเพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ทนต่อภาวะความเครียด ความเหนื่อยล้าที่เกิดจาการทำงาน ขับล้างสารพิษจากร่างกาย เพิ่มภูมิต้านทาน ทำความสะอาดอวัยวะภายในที่เรามองไม่เห็นจะเป็นอาหารเสริมจำพวก วิตามิน แร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย สารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ สารสกัดจากพื่ชเพื่อให้ได้คลอโรฟิลล์เข้มข้น

2. อาหารเสริมบำรุงสมอง  จะเป็นพวกน้ำมันปลา ใบแปะก๊วย วิตามินบี และอื่นๆ

3. อาหารเสริมเพื่อผิวพรรณ  จะเป็นพวกกลูต้าไธโอน สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศส คอลลาเจนจากปลาแซลมอน สารสกัดจากใบหม่อน สารสกัดจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่  สารสกัดจากเมล็ดองุ่น สารสกัดจากเปลือกสน เป็นต้น

4.อาหารเสริมเพื่อ ลดน้ำหนัก  เป็นอาหารเสริมที่ช่วยดูดซึมไขมัน ดักจับไขมัน เผาผลาญพลังงาน หรือเปลี่ยนจากแป้งหรือคาร์โบไฮเดตรเป็นพลังงาน จะเป็นพวกสารสกัดจากผลส้มแขก สารสกัดจากชาเขียว สารสกัดจากพริก และโครเมียม เป็นต้น

การตัดสินใจเลื่อก ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรืออาหารเสริม ควรพิจารณาว่ามีความปลอดภัยเพียงพอหรือไม่ เหมาะสมกับร่างกายของเราหรือเปล่า และที่สำคัญมีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำกับหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของตัวเราควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ

www.behealthy24hr.com 

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ความสำคัญของอาหาร และโภชนาการ

อาหารมีความสำคัญกับชีวิตมนุษย์เรา เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เราดำรงชีพอยู่ได้ทุกวันนี้

อาหารคืออะไร?

อาหาร ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 คือ ของกินหรือเครื่องค้ำจุนชีวิต แต่ไม่รวมถึงยา วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ยาเสพติดให้โทษ เมื่อเข้าสู่ร่างกาย (ไม่ว่าจะเป็นการดื่ม การกิน หรือการฉีด ฯลฯ) แล้วเกิดประโยชน์แก่ร่างกาย โดยให้สารอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง
คำว่า สารอาหารคืออะไร?

สารอาหาร คือ สารเคมีที่ประกอบอยู่ในอาหาร ประโยชน์ของอาหารที่เราบริโภคขึ้นอยู่กับชนิดและจำนวนของสารอาหารที่เป็น ส่วนประกอบของอาหารนั้น สารอาหารที่ร่างกายเราต้องการแบ่งออกเป็น 6 พวกใหญ่ ๆ คือ คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน เกลือแร่ วิตามิน และน้ำ  สารอาหารแต่ละพวกทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน คือ

1. ให้พลังงานและความร้อน ซึ่งจำเป็นสำหรับการทำงานของอวัยวะภายในและภายนอกของร่างกาย
2. ช่วยบำรุงเลี้ยงหรือช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต(ในเด็ก) และช่วยซ่อมแซมร่างกาย(ในผู้ใหญ่)
3. ช่วยควบคุมปฏิกิริยาเคมีต่างๆ ในร่างกาย และการทำงานของอวัยวะทุกส่วน
4. ช่วยในการป้องกันและต้านทานโรค หรือช่วยให้ร่างกายแข็งแรง

โภชนาการ คือ อะไร
โภชนาการ เป็นวิทยาศาสตร์สาขาหนึ่งซื่งเกี่ยวข้องกับระบบการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของอาหารที่เข้าไปในร่างกาย ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อันเกิดจากกระบวนการที่สารอาหารไปหล่อเลี้ยงเซลล์ เนื้อเยื่อ และควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย วิชาโภชนาการมิได้มุ่งเพียงจัดอาหารที่มีรสดี ปรุงแต่งประณีตและราคาย่อมเยามาบริโภคเท่านั้น แต่ยังรู้จักเลือกแฟ้นและปรุงแต่งอาหารให้มีคุณค่าสูง ไม่มีโทษแก่ร่างกาย เพื่อร่างกายจะได้ใช้ประโยชน์ในการเสริมสร้างอนามัยได้มากที่สุด

ความสัมพันธ์ระหว่างโภชนาการกับสุขภาพ

อาหาร คือ ตัวเรา "You are what you eat" คำกล่าวนี้เป็นจริงเสมอมา เพราะสิ่งต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเรานั้นล้วนมาจากอาหารที่เรากินเข้าไป เริ่มตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ จนกระทั่งคลอดออกมาเป็นทารก เด็ก เติบโตเป็นผู้ใหญ่ จนถึงวัยผู้สูงอายุ เราต้องกินอาหารทุกวัน เพราะอาหารไม่เพียงแต่จะนำไปประกอบเป็นส่วนต่างๆ ของร่างกายเท่านั้น แต่ยังทำให้ชีวิตดำรงอยู่ได้อย่างปกติสุขหรือมีภาวะโภชนาการที่มี แต่ถ้าหากกินอาหารไม่ถูกต้อง เพียงพอ ก็จะทำให้เกิดปัญหาโภชนาการได้
ตาม คำจำกัดความขององค์กรอนามัยโลก คอว่า "สุขภาพ" หมายถึง สุขภาวะ (Well bing) ที่สมบูรณ์ทั้งทางกาย ใจ จิตวิญญาณ สามารถที่จะอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุข

"สุขภาพ กาย" หมายถึง ความแข็งแรงของร่างกาย หรือการปราศจากความเจ็บป่วยของอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย บุคคลที่มีสุขภาพกายดี คือบุคคลที่ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ และไม่เป็น "พาหะ" ของโรค หรือไม่มีเชื้อโรคซ่อนอยู่ซึ่งจะติดต่อเผยแพร่ไปยังผู้อื่นได้

"สุขภาพ ใจ" หมายถึง การมีเสถียรภาพหรือความมั่นคงทางอารมณ์ และสามารถในการปรับตนเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้มีสุขภาพจิตดีจะต้องเป็นผู้ที่ยอมรับความจริง รู้จักแก้ปัญหา และมองเห็นการณ์ไกล

"สุขภาพสังคม" หมายถึง ความสามารถในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมโดยมีปัญหาน้อยที่สุด

ในชีวิตประจำวัน เราต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่ในบางครั้งเราไม่สามารถทำได้ เราจึงควรสรรหา "อาหารเสริม" ที่มีคุณภาพ เพื่อมาชดเชยให้กับร่างกาย เพื่อสุขภาพที่ดี ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บ

www.behealthy24hr.com