คุณประโยชน์ของว่านหางจระเข้นั้นมีมากมาย
จนน่าจะปลูกไว้เป็นพืชประจำบ้านเลยทีเดียว
เพราะสามารถนำมาปั่นเป็นน้ำวุ้นดื่มแก้กระหายคลายร้อนได้
รวมทั้งสามารถนำมาบำรุงผิวและบำรุงผมได้อีกด้วย เพียงแต่มีข้อแม้ว่าเวลานำไปใช้ต้องล้างยางสีเหลืองๆออกให้หมด
รวมทั้งควรจะนำมาใช้แบบสดๆไม่ควรเก็บทิ้งไว้นานค่ะ
อยากรู้ว่าว่านหางจระเข้มีสรรพคุณแค่ไหน และทำให้ผิวสวยได้จริงหรือไม่
ว่านหางจระเข้ เป็นต้นพืชที่มีเนื้ออิ่มอวบ
จัดอยู่ในตระกูลลิเลี่ยม (Lilium) แหล่งกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและบริเวณตอนใต้ของทวีปแอฟริกา
พันธุ์ของว่านหางจระเข้มีมากมายกว่า 300 ชนิด
ซึ่งมีทั้งพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่มากจนไปถึงพันธุ์ที่มีขนาดเล็กกว่า 10 เซนติเมตร ลักษณะพิเศษของว่านหางจระเข้ก็คือ มีใบแหลมคล้ายกับเข็ม
เนื้อหนา และเนื้อในมีน้ำเมือกเหนียว ว่านหางจระเข้ผลิดอกในช่วงฤดูหนาว
ดอกจะมีสีต่างๆกัน เช่น เหลือง ขาว และแดง เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของมัน
คำว่า
"อะโล" (Aloe) เป็นภาษากรีซโบราณ หมายถึงว่านหางจระเข้
ซึ่งแผลงมาจากคำว่า "Allal" มีความหมายว่า
ฝาดหรือขม ในภาษายิว ฉะนั้นเมื่อผู้คนได้ยินชื่อนี้ ก็จะทำให้นึกถึงว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้เดิมเป็นพืชที่ขึ้นในเขตร้อนต่อมาได้ถูกนำไปแพร่พันธุ์ในยุโรปและเอเชีย
และทุกวันนี้ทั่วโลกกำลังเกิดกระแสนิยมว่านหางจระเข้กันเป็นการใหญ่
สรรพคุณของว่านหางจระเข้
1. ทั้งต้นของว่านหางจระเข้ มีรสเย็น ใช้ดองกับสุรานำมาดื่มช่วยขับน้ำคาวปลาได้ (ทั้งต้น)
1. ทั้งต้นของว่านหางจระเข้ มีรสเย็น ใช้ดองกับสุรานำมาดื่มช่วยขับน้ำคาวปลาได้ (ทั้งต้น)
2. ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน ด้วยการรับประทานเนื้อวุ้น
หรือจะทำเป็นน้ำปั่นว่านหางจระเข้มาดื่มก็ได้
ก็จะช่วยบรรเทาอาการและป้องกันโรคเบาหวานได้
3. ว่านหางจระเข้ สรรพคุณช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ด้วยการตัดใบสดของว่านหางจระเข้ แล้วทาปูนแดงด้านหนึ่ง แล้วเอาด้านที่ทาปูนปิดตรงขมับ จะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ (ใบ)
4.ช่วยแก้หนองใน (ราก,เหง้า)
3. ว่านหางจระเข้ สรรพคุณช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ด้วยการตัดใบสดของว่านหางจระเข้ แล้วทาปูนแดงด้านหนึ่ง แล้วเอาด้านที่ทาปูนปิดตรงขมับ จะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ (ใบ)
4.ช่วยแก้หนองใน (ราก,เหง้า)
5. วุ้นว่านหางจระเข้ มีสรรพคุณช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
ช่วยป้องกันและลดการเกิดแผลในกระเพาะขณะท้องว่าง
ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารต่างๆ
6.ช่วยรักษาริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้เนื้อวุ้นจากใบเหลาให้เป็นปลายแหลมเล็กน้อย และนำไปแช่ตู้เย็นหรือน้ำแข็งจนเนื้อแข็ง แล้วนำไปใช้เหน็บในช่องทวารหนัก ควรหมั่นทำเป็นประจำวันละ 1-2 ครั้ง จนกว่าจะหาย (เนื้อวุ้น)
7. เนื้อว่านหางจระเข้สรรพคุณ ว่านหางจระเข้ช่วยแก้กระเพาะลำไส้อักเสบ ด้วยการใช้ใบนำมาปอกเปลือกเอาแต่วุ้น นำมารับประทานวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ (เนื้อวุ้น)
8.ใช้เป็นถ่าย ยาระบาย ที่เปลือกของว่านหางจระเข้จะมีน้ำยางสีเหลือง ในน้ำยางจะสารแอนทราควิโนน (Anthraquinone) ที่มีฤทธิ์เป็นยาระบาย หากนำน้ำยางไปเคี่ยวให้น้ำระเหยออกแล้วทิ้งไว้ให้เย็น ก็ตะได้สารสีน้ำตาลเกือบดำ หรือเรียกว่า ยาดำ ซึ่งยาดำนี้เองใช้เป็นส่วนผสมในตำรับยาแผนโบราณที่ต้องการให้มีฤทธิ์เป็นยาระบายอยู่หลายตำรับ (ยางในใบ)
9.ช่วยรักษาอาการท้องผูก ด้วยการกรีดเอายางจากว่านหางจระเข้มาเคี่ยวให้งวด ทิ้งไว้ให้เย็นจะได้ก้อนยาสีดำ (ยาดำ) แล้วตักมาใช้ประมาณช้อนชา เติมน้ำเดือด 1 ถ้วย แล้วคนจนละลาย โดยผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 2 ช้อนชาก่อนนอน แต่ถ้าเป็นเด็กให้รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชาก่อนนอน
ประโยชน์ของว่านหางจระเข้
1. น้ำว่านหางจระเข้ สามารถช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยชะลอความแก่ชรา และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้อีกด้วย
2. ว่านหางจระเข้รักษาสิว ยับยั้งการติดเชื้อที่เป็นสาเหตุของสิว ช่วยลดรอยดำจากสิว และช่วยลดความมันบนใบหน้า เพราะในใบว่างหางจระเข้จะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ (ไม่แนะให้ใช้กับสิวอักเสบ เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย)
3. ว่านหางจระเข้อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ รวมไปถึงกรดอะมิโน อีกหลายชนิดที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุทองแดง ธาตุแมงกานีส ธาตุซีลีเนียม ธาตุโครเมียม วิตามินเอ วิตามินซี วิตามิอี วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี6 วิตามินบี9 โคลีน และยังเป็นพืชเพียงไม่กี่ชนิดที่มีวิตามินบี12 ด้วย
6.ช่วยรักษาริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้เนื้อวุ้นจากใบเหลาให้เป็นปลายแหลมเล็กน้อย และนำไปแช่ตู้เย็นหรือน้ำแข็งจนเนื้อแข็ง แล้วนำไปใช้เหน็บในช่องทวารหนัก ควรหมั่นทำเป็นประจำวันละ 1-2 ครั้ง จนกว่าจะหาย (เนื้อวุ้น)
7. เนื้อว่านหางจระเข้สรรพคุณ ว่านหางจระเข้ช่วยแก้กระเพาะลำไส้อักเสบ ด้วยการใช้ใบนำมาปอกเปลือกเอาแต่วุ้น นำมารับประทานวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ (เนื้อวุ้น)
8.ใช้เป็นถ่าย ยาระบาย ที่เปลือกของว่านหางจระเข้จะมีน้ำยางสีเหลือง ในน้ำยางจะสารแอนทราควิโนน (Anthraquinone) ที่มีฤทธิ์เป็นยาระบาย หากนำน้ำยางไปเคี่ยวให้น้ำระเหยออกแล้วทิ้งไว้ให้เย็น ก็ตะได้สารสีน้ำตาลเกือบดำ หรือเรียกว่า ยาดำ ซึ่งยาดำนี้เองใช้เป็นส่วนผสมในตำรับยาแผนโบราณที่ต้องการให้มีฤทธิ์เป็นยาระบายอยู่หลายตำรับ (ยางในใบ)
9.ช่วยรักษาอาการท้องผูก ด้วยการกรีดเอายางจากว่านหางจระเข้มาเคี่ยวให้งวด ทิ้งไว้ให้เย็นจะได้ก้อนยาสีดำ (ยาดำ) แล้วตักมาใช้ประมาณช้อนชา เติมน้ำเดือด 1 ถ้วย แล้วคนจนละลาย โดยผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 2 ช้อนชาก่อนนอน แต่ถ้าเป็นเด็กให้รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชาก่อนนอน
ประโยชน์ของว่านหางจระเข้
1. น้ำว่านหางจระเข้ สามารถช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยชะลอความแก่ชรา และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้อีกด้วย
2. ว่านหางจระเข้รักษาสิว ยับยั้งการติดเชื้อที่เป็นสาเหตุของสิว ช่วยลดรอยดำจากสิว และช่วยลดความมันบนใบหน้า เพราะในใบว่างหางจระเข้จะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ (ไม่แนะให้ใช้กับสิวอักเสบ เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย)
3. ว่านหางจระเข้อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ รวมไปถึงกรดอะมิโน อีกหลายชนิดที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุทองแดง ธาตุแมงกานีส ธาตุซีลีเนียม ธาตุโครเมียม วิตามินเอ วิตามินซี วิตามิอี วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี6 วิตามินบี9 โคลีน และยังเป็นพืชเพียงไม่กี่ชนิดที่มีวิตามินบี12 ด้วย
4. ช่วยบำรุงผิวพรรณ
ช่วยทำให้ผิวพรรณเนียนนุ่ม ดูชุ่มชื้น แก้ปัญหาผิวแห้งกร้านตามหัวเข่า, ข้อศอก หรือส้นเท้าได้ เพียงแค่ใช้วุ้นจากใบว่านหางจระเข้แช่ในอ่างอาบน้ำ
ในระหว่างอาบให้ใช้เนื้อวุ้นถูตามส่วนต่างๆ ของร่างกายที่ต้องการ
หากทำเป็นประจำก็จะช่วยทำให้ผิวพรรณของคุณเนียนนุ่มชื่นชื้นและเต่งตึงได้
5. จากวารการแพทย์อังกฤษตีพิมพ์ในปี 2000 (British Medical Journal) ระบุว่าสารสกัดจากว่านหางจระเข้ สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยควบคุมความดันโลหิตและเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต และอาจจะมีความเป็นไปได้ว่ามันสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย
6. ช่วยป้องกันแก้อาการเมารถเมาเรือ ด้วยการรับประทานเนื้อวุ้นว่านหางจระเข้หรือน้ำว่านหางจระเข้เย็นๆ ก็จะช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้
7. การใช้วุ้นว่านหางจระเข้ทาเป็นประจำวันละ 2-4 ครั้ง จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง
8. ช่วยเติมน้ำให้ผิว ทำให้ผิวหน้าและผิวกายชุ่มชื้น และป้องกันการเกิดริ้วรอยแห่งวัย เพียงแค่ใช้วุ้นจากใบว่านหางจระเข้นำมาพอกให้ทั่วบริเวณใบหน้าหรือบริเวณผิวที่ต้องการ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้นสดใสและดูเต่งตึงขึ้น
9. น้ำว่านหางจระเข้ช่วยในการย่อยอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ ช่วยในการดีท็อกซ์ล้างสารพิษในร่างกาย ช่วยในการทำงานของระบบกระเพาะอาหาร และช่วยลดปริมาณของเชื้อแบคทีเรียในลำไส้
5. จากวารการแพทย์อังกฤษตีพิมพ์ในปี 2000 (British Medical Journal) ระบุว่าสารสกัดจากว่านหางจระเข้ สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยควบคุมความดันโลหิตและเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต และอาจจะมีความเป็นไปได้ว่ามันสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย
6. ช่วยป้องกันแก้อาการเมารถเมาเรือ ด้วยการรับประทานเนื้อวุ้นว่านหางจระเข้หรือน้ำว่านหางจระเข้เย็นๆ ก็จะช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้
7. การใช้วุ้นว่านหางจระเข้ทาเป็นประจำวันละ 2-4 ครั้ง จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง
8. ช่วยเติมน้ำให้ผิว ทำให้ผิวหน้าและผิวกายชุ่มชื้น และป้องกันการเกิดริ้วรอยแห่งวัย เพียงแค่ใช้วุ้นจากใบว่านหางจระเข้นำมาพอกให้ทั่วบริเวณใบหน้าหรือบริเวณผิวที่ต้องการ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้นสดใสและดูเต่งตึงขึ้น
9. น้ำว่านหางจระเข้ช่วยในการย่อยอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ ช่วยในการดีท็อกซ์ล้างสารพิษในร่างกาย ช่วยในการทำงานของระบบกระเพาะอาหาร และช่วยลดปริมาณของเชื้อแบคทีเรียในลำไส้
10. ช่วยรักษาจุดด่างดำตามผิวหนัง
อันเนื่องมาจากแสงแดดหรือจากอายุที่มากขึ้น ด้วยการใช้วุ้นจากใบสดนำทาที่ผิววันละ 2
ครั้งหลังอาบน้ำ และต้องทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอจึงจะเห็นผล
ครีมพอกหน้ารักษาสิว
ว่านหางจระเข้
ส่วนผสม ดินสอพอง 1/2 ช้อนโต๊ะ ขมิ้นชันผง 1/4 ช้อนชา (ปลายช้อนชา) น้ำวุ้นว่านหางจระเข้ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
วิธีทำ ผสมว่านหางจระเข้กับน้ำมะนาวให้เข้ากัน เทส่วนผสมที่ได้ ลงไปในดินสอพองทีละน้อยคนให้เข้ากัน หากเหนียวเกินไป ให้เพิ่มน้ำวุ้นว่านหางจระเข้กับน้ำมะนาวอีก จนครีมมีลักษณะเหลวเล็กน้อย
วิธีใช้ ใช้พอกหน้า รักษาสิวต่างๆได้ดี พอกไว้ไม่ต่ำกว่าครั้งละ 30 นาที หรือจะพอกทิ้งไว้ทั้งคืนก็ได้
ส่วนผสม ดินสอพอง 1/2 ช้อนโต๊ะ ขมิ้นชันผง 1/4 ช้อนชา (ปลายช้อนชา) น้ำวุ้นว่านหางจระเข้ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
วิธีทำ ผสมว่านหางจระเข้กับน้ำมะนาวให้เข้ากัน เทส่วนผสมที่ได้ ลงไปในดินสอพองทีละน้อยคนให้เข้ากัน หากเหนียวเกินไป ให้เพิ่มน้ำวุ้นว่านหางจระเข้กับน้ำมะนาวอีก จนครีมมีลักษณะเหลวเล็กน้อย
วิธีใช้ ใช้พอกหน้า รักษาสิวต่างๆได้ดี พอกไว้ไม่ต่ำกว่าครั้งละ 30 นาที หรือจะพอกทิ้งไว้ทั้งคืนก็ได้
เคล็ดลับการใช้ว่านหางจระเข้
หากนำว่านหางจระเข้แช่ในตู้เย็นจนเย็น จะทำให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น ควรใช้ว่านหางจระเข้ที่สดใหม่ จะมีคุณภาพในการรักษาได้ดีที่สุด ใช้วุ้นว่านหางจระเข้เคลือบแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกไว้ ผิวจะไม่เป็นแผลเป็น และยังทำให้แผลหายเร็วอีกด้วย ควรเคลือบแผลให้เร็วที่สุด ควรปลูกว่านหางจระเข้ไว้ในบริเวณบ้าน โดยเฉพาะใกล้ๆห้องครัว จะได้ใช้ว่านหางจระเข้ที่สดใหม่และใช้ได้ทันท่วงที ผู้ที่เป็นฝ้า หรือใบหน้าตกกระ ให้ทาว่านหางจระเข้เป็นประจำทุกวันหลังล้างหน้าในตอนเย็น สำหรับผู้สูงอายุที่มีกระเป็นเกร็ดแข็งๆ ใช้ว่านหางจระเข้ทาทุกวัน เกร็ดของกระจะหลุดลอกออกมาอย่างเห็นได้ชัด ผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นของว่านหางจระเข้ หลังจากใช้น้ำวุ้นทาทั่วหน้าแล้ว อาจทาครีมก่อนนอนทับอีกชั้นหนึ่งก็ได้
หากนำว่านหางจระเข้แช่ในตู้เย็นจนเย็น จะทำให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น ควรใช้ว่านหางจระเข้ที่สดใหม่ จะมีคุณภาพในการรักษาได้ดีที่สุด ใช้วุ้นว่านหางจระเข้เคลือบแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกไว้ ผิวจะไม่เป็นแผลเป็น และยังทำให้แผลหายเร็วอีกด้วย ควรเคลือบแผลให้เร็วที่สุด ควรปลูกว่านหางจระเข้ไว้ในบริเวณบ้าน โดยเฉพาะใกล้ๆห้องครัว จะได้ใช้ว่านหางจระเข้ที่สดใหม่และใช้ได้ทันท่วงที ผู้ที่เป็นฝ้า หรือใบหน้าตกกระ ให้ทาว่านหางจระเข้เป็นประจำทุกวันหลังล้างหน้าในตอนเย็น สำหรับผู้สูงอายุที่มีกระเป็นเกร็ดแข็งๆ ใช้ว่านหางจระเข้ทาทุกวัน เกร็ดของกระจะหลุดลอกออกมาอย่างเห็นได้ชัด ผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นของว่านหางจระเข้ หลังจากใช้น้ำวุ้นทาทั่วหน้าแล้ว อาจทาครีมก่อนนอนทับอีกชั้นหนึ่งก็ได้
ข่าวสารและบทความดีๆจาก : วิกิพีเดีย และ http://blog.siamherbal.com/
www.behealthy24hr.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น